"นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์" ได้ประยุกต์หลักการความสำเร็จของแอ๊ปเปิ้ลสโตร์มาใช้กับ "เป็นสุข" ร้านเพื่อคนรักสุขภาพแนวใหม่
"เป็น สุข" คำไทยสั้นๆ ง่ายๆ ที่ให้ความหมายชัดเจนในตัวเองว่า มากกว่าความสุข คอนเซปต์ของ "เป็นสุข" ไม่เน้นขาย แต่ช่วยลูกค้าแก้ปัญหาสุขภาพ ความเหมือนของพนักงานเป็นสุขกับแอ๊ปเปิ้ล สโตร์ คือ การเข้าใจความต้องการของลูกค้า

โจทย์ความยั่งยืน
     นพ.ก้อง เกียรติ อธิบายที่มาของแนวคิดธุรกิจสไตล์เป็นสุข ว่า เกิดจากความต้องการให้เกิดความยั่งยืนใน 2  เรื่อง ได้แก่ ความยั่งยืนทางอาหาร "ไม่ใช่" แค่มีสิ่งของบริโภค แต่ต้องมีความหลากหลายให้บริโภคด้วย เรื่องที่สองคือความยั่งยืนทางสุขภาพ  ด้วยการป้องกันสุขภาพแทนการรักษา จึงเป็นโมเดลท้าทายที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการดูแลตนเอง

    ร้านเป็นสุขทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ผลิตกับผู้ บริโภค ด้วยการหาเกษตรกรที่สนใจจะผลิตข้าวสีแบบอินทรีย์ คือ ไม่ใส่สารเคมี ยาฆ่าแมลง และเลือกพันธุ์ข้าวให้หลากหลาย เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น ข้าวหอมนิลมีไฟเบอร์สูงเหมาะกับผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง ช่วยทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้น  ข้าวหอมมะลิแดง มีธาตุเหล็กสูงเหมาะกับผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก โลหิตจาง 

     ส่วนในอนาคตจะปลูกข้าวสินเหล็กที่มีแป้งน้ำตาลต่ำ และข้าวสังข์หยด ในพื้นที่เครือข่ายเกษตรกรในแต่ละภาค 
"ที่ ผ่านมา เราส่งเสริมการปลูกข้าว 100 ไร่ ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ คาดว่าจะได้ผลผลิต 20 ตันในราคาที่เกษตรกรพอใจ ภายใต้สัญญาการค้าที่เป็นธรรม เพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณค่าถึงมือผู้บริโภค โดยในร้านเป็นสุขจะติดตั้ง เครื่องสีข้าวสำหรับสีข้าวเปลือกให้ใหม่อยู่เสมอ" นพ.ก้องเกียรติ กล่าว

     นพ.ก้องเกียรติ พบว่ากลุ่มผู้รักสุขภาพหลายคน ยังไม่เข้าใจว่าควรจะบริโภคข้าวกล้องอย่างไร  ฉะนั้น จึงต้องสร้างประสบการณ์ใหม่โดยดูว่า ลูกค้าชอบข้าวแบบไหน พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่าข้าวแบบไหนควรหุงอย่างไร
ผู้จัดการร้านจะทำ หน้าที่อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวในทุกแง่มุม ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เช่นเดียวกับพนักงานของแอ๊ปเปิ้ล สโตร์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นกลไกสำคัญ ที่ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค 

การตลาดไร้รูปแบบ
      เป้า หมายสำคัญของร้านเป็นสุข คือ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และจุดประกายให้กับภาคเอกชนที่จะดำเนินงานแบบธุรกิจไม่ค้ากำไร และนำกำไรมาช่วยสังคมให้ดีขึ้น ยกตัวอย่าง การซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่ชาวนามีความสุข พร้อมทั้งปันผลกำไรคืนสู่พื้นที่ เช่น การสร้างโรงสีขนาดเล็กให้กับคนในพื้นที่ ซึ่งจะได้กินข้าวซ้อมมือที่มีคุณภาพเหมือนคนเมือง 
"ฉะนั้น วิธีคิดของเราไม่เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป วิธีการทำงานทำทุกรูปแบบที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมทุกวิถีทาง ในรูปแบบของ SocialEnterprise หรือธุรกิจเพื่อสังคม"  แม้จะชี้ชัดไม่ได้ว่า อนาคตอีก 10 ปีของร้านเป็นสุขจะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นสามารถมองเห็นการขยายตัวออกไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจวิถีการบริโภคที่ถูกต้อง เหมาะสมกับตนเอง และเกิดความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี 

"เป็นสุข" ไม่ใช่การขายของ แต่เป็นการดูแลเรื่องสุขภาพ เพราะฉะนั้น จึงมีการเก็บข้อมูลติดตามผลสุขภาพ และให้คำปรึกษากับผู้ที่เข้ามาในร้าน โดยมีแพทย์คอยช่วยให้ข้อมูลความรู้อีกชั้นหนึ่ง  "ตอนนี้เรามองหาพยาบาลและคนทั่วไปที่สนใจเข้ามาเป็นทีมงานทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไม่จำกัดว่าต้องมีพื้นที่ขนาดไหน ลงทุนเท่าไร โดยจะมีการอบรมให้ความรู้แก่ผู้สนใจเริ่มต้นจากข้าว ขยับสู่ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากข้าว เช่น ชาข้าว  ขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์อื่นๆ" นพ.ก้องเกียรติกล่าว
จากแนวคิด "ธุรกิจเพื่อสังคม" ที่กำลังก้าวไปสู่การพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่เกื้อกูลต่อโลกและสังคม มีเป้าหมายแก้ปัญหาสังคมโดยใช้โมเดลธุรกิจเป็นตัวตั้ง โดยสร้างมาตรฐานการผลิต ห่วงโซ่การผลิต ที่ตระหนักหรือเอื้อต่อโลกและผู้คนให้เป็นสุข เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ สำหรับธุรกิจยุคนี้