:: สาเหตุการเกิด สารพิษตกค้างในพืชผัก
การเกษตร กรมวิชาการเกษตร พบว่ามีปริมาณสารพิษตกค้างอยู่ในผักหลายประเภทหลายชนิด ซึ่งสารพิษที่ตกค้าง ในผักเหล่านั้นบางชนิดมีพิษสูงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคทันทีที่ได้ รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งการเกิดสารพิษตกค้างในผักนั้นมีสาเหตุมาจากหลายประการได้แก่ • เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบเลือกซื้อเฉพาะผักที่สด สวยงาม ไม่มีร่องรอยการทำลายของโรค และแมลง • ผู้ปลูกผักบางรายมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องของสารเคมีเป็นอย่างดีแต่ไม่นำหลักการใช้ที่ถูกต้อง ไปปฏิบัติหรือละเลยเสีย โดยมุ่งหวังแต่ประโยชน์ผลกำไรและความสะดวกเป็นหลัก โดยขาดจิตสำนึกและความ รับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม • ผู้ปลูกผักบางรายขาดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงที่ถูกต้อง เมื่อประสบปัญหาการ เข้าทำลายของโรค และแมลง ทางเลือกแรกที่นำมาใช้คือ การฉีดพ่นสารเคมีโดยไม่ได้คำนึงถึงวิธีการอื่นเลย เนื่องจากสารเคมีมีประสิทธิภาพสูง ให้ผลเร็ว สะดวกในการใช้ และหาซื้อได้ง่าย ดังนั้นเมื่อชาวสวนผักนิยม ใช้กันอย่างแพร่หลายปัญหาที่ตามมาก็คือเกิดสารพิษตกค้างในผักที่เกินค่าความปลอดภัย ซึ่งเป็นอันตรายอย่าง ยิ่งต่อเกษตรกรและผู้บริโภคผัก • ประชาชนโดยทั่วไปยังมีมาตรฐานในการครองชีพที่ไม่สูงนัก มีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตและบริโภคที่ง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในการบริโภคเท่าทีควร ผักปลอดภัยจากสารพิษจึงไม่ได้รับความนิยมมากนักการล้างผักเพื่อลดสารพิษที่ตกค้าง1. ลอกหรือปอกเปลือก แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 5-10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้าง ได้ร้อยละ 27-72 2. แช่น้ำปูนใส นาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-523. การใช้ความร้อน ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 48-504. แช่น้ำด่างทับทิมนาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด) ผสมน้ำ 4 ลิตร ) ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณ สารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-435. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อก นาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-396. แช่น้ำซาวข้าว นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-387. แช่น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น ( น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร )และล้างด้วยน้ำสะอาด อีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-388. แช่น้ำยาล้างผัก นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 22-36
ขอบคุณที่มา http://202.143.128.82/CAIteacher/link15/webpasert/sec1.3.htm