Lux (illumination)
คือ การที่กล้องสามารถจับภาพได้ในสภาพแวดล้อมที่แสงน้อยที่สุด ซึ่งเราเรียกว่า minimum illumination ค่า Lux ที่แสดงในรายละเอียดของกล้องวงจรปิด จึงหมายถึงค่าของแสงที่กล้องตัวนั้นๆ สามารถจับภาพได้ เช่น 0.8 Lux (Colour) หมายถึง กล้องตัวนี้สามารถจับภาพที่เป็นภาพสีได้ ที่แสง 0.8 Lux หรือ มากกว่า หากแสงน้อยกว่า 0.8 Lux จะเป็นภาพขาวดำ และจะจับภาพไม่ได้ที่มืดสนิท คือ 0 Lux (แต่ จะไม่บอกไว้ เนื่องเป็นค่าคงที่ของกล้องทุกตัวอยู่แล้ว) นอกเสียจากว่ากล้องนั้นเป็นกล้องที่มีอินฟาเรด ดังนั้นการเลือกล้องวงจรปิด นอกจากจะเลือกกล้องที่มี TV Line สูงๆ แล้วมักจะนิยมมองหากล้องที่มีค่า Lux ตํ่า ๆ ด้วย
การเทียบเคียงค่า Lux 1 Lux ประมาณแสงจากการจุดเทียน 1 เล่ม 0.1 Lux ประมาณแสงจากพระจันทร์เต็มดวง หรือที่ ๆ มีแสงไฟสลัว ๆ หรือค่อนข้างมืด 0 Lux หมายถึงที่มืดสนิท การจะมองเห็นได้ กล้องจะต้องทำงานร่วมกับแสงอินฟราเรดหรือ IR เป็น ตัวส่องสว่าง ซึ่งก็ต้องใช้เป็นกล้องอินฟราเรด และยิ่งมีหลอดอินฟราเรดมาก ก็จะยิ่งทำให้ส่องแสงไกลขึ้น แต่ภาพที่ได้จะเป็นภาพขาว-ดำ กล้องที่มีค่า Lux ยิ่งต่ำ ยิ่งดี เช่น กล้องที่มีค่า 0.1 Lux , 0.05 Lux จะให้ภาพในที่ ๆ มีแสงไฟสลัว ๆ หรือ ในที่ค่อนข้างมืดได้ ส่วนกล้องวงจรปิดแบบอินฟาเรด สามารถมองเห็นภาพในที่มืดสนิทได้ (0 Lux) โดยใช้แสงจากหลอดอินฟราเรด (IR) เป็นตัวส่องสว่าง ซึ่ง IR จะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อแสงไม่พอ แต่ภาพจะออกมาเป็นภาพขาว-ดำ TVL หรือ TV LINE
TV Line คือ ค่าความคมชัดของตัวกล้องวงจรปิด ยิ่งมีค่ายิ่งมากภาพก็จะยิ่งชัดขึ้นละเอียดขึ้น เช่น กล้องวงจรปิด ความคมชัด 520 เส้น จะให้ภาพที่ชัดกว่า กล้องวงจรปิด ที่มีความคมชัด 420 เส้น เป็นต้น กล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดสูง ๆ ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
ความละเอียดเมื่อเทียบเป็นพิคเซล 420 TVL = 270,000 พิคเซล 480 TVL = 380,000 พิคเซล 520 TVL = 430,000 พิคเซล 550 TVL = 480,000 พิคเซล
ค่า F
ค่า F คือ ความกว้างของรูรับแสง ถ้าค่าน้อย รูรับแสงก็จะเปิดแสงเข้ามาได้มาก ถ้าค่ามากรูรับแสงก็จะเปิดให้แสงเข้ามาได้น้อย ตัวอย่างเช่น F 2.0 ความกว้างของรูรับแสงจะเปิดมากกว่า F 6.0 รูรับแสงยิ่งแคบ ภาพยิ่งชัดลึก
IP
IP - Ingress Protection Ratings คือ มาตรฐานที่ใช้วัดความสามารถในการปกป้องสิ่งที่อยู่ภายในของอุปกรณ์อิเล็ค ทรอนิกส์ทั้งหลาย ในกรณีของกล้องวงจรปิด มันคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถของตัวถังของกล้องในการป้องกันวงจรภายใน จากสิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งแปลความได้ว่าเป็นความทนทานในการใช้งานของกล้องนั่นเอง
มาตรฐาน นี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย European Committee for Electro Technical Standardization (CENELEC) (NEMA IEC 60529 Degrees of Protection Provided by Enclosures - IP Code) ซึ่งการจัดอันดับของการป้องกันจะแสดงด้วยตัวเลข 2 หลัก ซึ่งหลักแรกจะแแสดงความสามารถในการป้องกันของแข็ง และหลักที่สองจะเป็นความสามารถในการป้องกันของเหลว รูปแบบการแสดงมาตรฐานจะเป็น IPXX ซึ่ง XX คือ เช่นIP45, IP66 เป็นต้น
ความหมายของตัวเลขหลักแรก 0 = ไม่ป้องกันอะไรเลย 1 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีขนาดไม่เกิน 50 มิลลิเมตร เช่น การเผลอไปจับตัวกล้องด้วยมือ 2 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีขนาดไม่เกิน 12 มิลลิเมตร เช่น เผลอแตะด้วยนิ้ว 3 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีตั้งแต่ 2.5 มิลลิเมตรขึ้นไป เช่น เครื่องมือ สายไฟ 4 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรขึ้นไป เช่น เครื่องมือ สายไฟ และสายไฟขนาดเล็ก 5 = สามารถป้องกันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง 6 = สามารถป้องกันฝุ่นได้
ความหมายของตัวเลขหลักที่สอง 0 = ไม่ป้องกันอะไรเลย 1 = สามารถป้องกันน้ำหยดใส่ได้ เช่น หยดน้ำที่เกิดจากความชื้น 2 = สามารถป้องกันละอองน้ำที่เข้ามาในมุมไม่เกิน 15 องศาจากแนวตั้ง 3 = สามารถป้องกันละอองน้ำที่เข้ามาในมุมไม่เกิน 60 องศาจากแนวตั้ง 4 = สามารถป้องกันละอองน้ำได้จากทุกทิศทาง 5 = สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง 6 = สามารถเปียกน้ำได้แต่ไม่นาน เช่น โดนฝน 7 = สามารถจุ่มน้ำได้ที่ความลึกตั้งแต่ 15 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร 8 = สามารถใช้งานใต้น้ำได้
ตัวอย่าง เช่น IP65 หมายความว่า กล้องตัวนั้น สามารถป้องกันฝุ่นได้ และสามารถป้องกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง
|