ชาวบ้านดอนแดง อ.นาหว้า จ.นครพนม ฉายาหมู่บ้านปริศนา เปิดตลาดล่าปลิง ทำเงินหน้าแล้ง เดือนละเกือบแสน แปรรูปส่งออกเป็นยาชูกำลัง พบข้อมูลมีการส่งออกขายต่างประเทศ มากว่า 30 ปี ทำเงินปีละกว่า 100 ล้าน ด้านประมงชี้เป็นสัตว์สองเพศขยายพันธุ์เร็ว ถือเป็นตัวชี้วัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีประโยชน์ทางการแพทย์ เล็งส่งเสริมยกระดับเลี้ยงสร้างเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้หลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบไม่สามารถทำการเกษตรได้โดยเฉพาะพื้นที่ไม่มีระบบชลประทาน ทำให้ขาดรายได้ แต่สำหรับชาวบ้าน ดอนแดง ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม อำเภอที่มีชื่อเสียงในเรื่องของ อาชีพปริศนา เนื่องจากเป็นอำเภอเดียวแห่งของประเทศไทย ที่ชาวบ้านมีอาชีพแปลก หมุนเวียนตามฤดูกาล คือ แปรรูป ปลิง ไส้เดือน ตุ๊กแก และสารพัดสมุนไพรชูกำลัง ส่งออกขายไปจีน ไต้หวัน มานานกว่า 30 ปี ทำให้มีเงินหมุนเวียนสะพัดปีละหลาย 100 ล้านบาท ถึงแม้จะเกิดปัญหาภัยแล้งกับไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมีอาชีพปริศนา สร้างรายได้หมุนเวียนทุกฤดูกาล
สำหรับช่วงหน้าแล้ง เดือน มีนาคม ของทุกปี ไปจนถึงสิ้นสุดฤดูฝน ถือเป็นฤดูกาลสำคัญที่ชาวบ้าน จะเปิดตลาดล่าปลิงควาย สัตว์ใต้น้ำจืดที่หลายคนหวาดกลัว มาแปรรูปส่งขายต่างประเทศปลายถึง คือ จีน ไต้หวัน ซึ่งทุกวันเช้าบ้านจะออกตระเวนไปล่าปลิงควายตามแหล่งน้ำ หนองน้ำเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ริมหนองหาน จ.สกลนคร จะมีปลิงชุกชุม ซึ่งจะมีวิธีการที่เรียนรู้แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน สวมเสื้อผ้ารัดกุม ในการลงไปตามหนองน้ำนำสวิงไปกวนตักหาปลิง ที่ซ่อนอยู่ตามผักตบ วัชพืชริมน้ำ เมื่อได้มาจะนำมาแปรรูป ด้วยการต้มในน้ำเดือด แล้งตากแดดให้แห้ง หรือลมควัน ให้แห้งประมาณ 2-3 วัน ก่อนนำไปส่งพ่อค้าตัวแทนรับซื้อ ประมาณกิโลกรัมละ 1,000 บาท บางคนขายปลิงสดยังไม่แปรรูป ประมาณกิโลกรัมละ 300-400 บาท บางคนขยันโชคดี ทำเงินได้มากถึงวันละ 3,000-4,000 บาท
นายคำผอง คะสุดใจ อายุ 60 ปี ชาวบ้านดอนแดง ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม กล่าวว่า ตนทำอาชีพล่าปลิงมานานกว่า 30 ปี สืบทอดมาจากพ่อ แม่ จนกระทั่งถึงลูกหลาน ภายหลังมีนายหน้า มาแนะนำ และยึดถือเป็นอาชีพมาถึงปัจจุบัน โดยเมื่อถึงหน้าแล้ง เดือนกุมภาพันธ์ ไปถึงสิ้นสุดฤดูฝน ชาวบ้านจะเดินสายตระเวนไปล่าปลิง ตามหนองน้ำเป้าหมาย ที่เป็นน้ำนิ่ง ลักษณะแบบห้วย บึง ส่วนใหญ่จะเป็นหนองหาน จ.สกลนคร ถือเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของปลิง ซึ่งจะมีวิธีแบบภูมิปัญญาชาบ้านในการใส่ชุดรัดกุม นำสวิงลงไปกวนตามริมน้ำ ที่มีวัชพืชปกคลุมอยู่ โดยธรรมชาติปลิงเมื่อน้ำเคลื่อนไหว จะออกมาหาอาหารจับดูดเลือด เป็นโอกาสดีชาวบ้านจะได้นำสวิงตัก เพื่อนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปง่ายๆ คือ ต้มในน้ำร้อน ก่อนนำไปตากแห้ง หรือลมควัน ประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้เก็บรักษาไว้ได้นาน กว่าจะรอการส่งออกไปขายต่างประเทศ ปลายทาง คือ จีนไต้หวัน เชื่อว่า นำไปปรุงเป็นยาชูกำลัง เสริมสมรรถภาพทางเพศ
ส่วนราคาซื้อขายจะมีราคาปลิงสด ราคากิโลกรัมละ 300-400 บาท แล้วแต่ช่วงหายากง่าย และขายในราคาแปรรูป ประมาณกิโลกรัมละ 1,000 บาท ถือว่าได้ราคาดี บางคนเดือนหนึ่งมีรายได้ เดือนละหลายหมื่นบาท ไม่ต้องไปทำงานต่างถิ่น พอถึงช่วงทำนาก็ไปทำตามปกติ ว่างเว้นก็ออกมาล่าปลิงไปขาย พอหมดหน้าฝน จะไปทำอาชีพอื่นแทน มีไส้เดือนแปลรูป และตุ๊กแกตากแห้ง บางคนขยันสามารถทำเงินเดือนละเป็นแสน ถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งทำมานานกว่า 30 ปี ยังไม่มีปัญหาเรื่องปริมาณปลิง สามารถหาได้ทุกปี เพราะมีการขยายพันธ์รวดเร็ว จำนวนมากอยู่แล้ว ทุกปีมีเงินหมุนเวียนจากอาชีพล่าปลิง หลาย 10 ล้านบาท
ด้านนายประจักษ์ เจริญรัตน์ ประมงจังหวัดนครพนม กล่าวว่า สำหรับอาชีพล่าปลิง ของ ชาว อ.นาหว้า จ.นครพนม มีมานานหลาย 10 ปี เป็นที่รู้จักกันในหมู่บ้านปริศนา ทราบว่าแต่ละปีมีเงินหมุนเวียนจากอาชีพแปลก นับ 100 ล้านบาท ส่วนปลิงถือเป็นหนึ่งในอาชีพแปลกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ตามธรรมชาติปลิง ถือเป็นสัตว์สองเพศ คล้ายไส้เดือน จะกินเลือดคนสัตว์ เป็นอาหาร ตามธรรมชาติ เพื่อนำไปสร้างความเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ และหน้าแล้งสามารถจำศีลอาศัยอยู่ในเบ้าที่ชุมชื้นได้ รวมถึงมีการขยายพันธุ์ที่เร็ว ปริมาณมาก วงจรชีวิตจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 เดือน เชื่อว่าหากมีการล่ามากจะไม่กระทบการสูญพันธุ์
นอกจากนี้ในทางวิชาการปลิงควาย ไม่เพียงจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจทำเงินให้ชาวบ้าน ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถนำไปสกัดเป็นตัวยาในการรักษาคนป่วยโรคเลือด ดุดน้ำเหลืองเลือดเสียออกจากร่างกาย ไปถึงเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ในต่างประเทศมีความนิยมไปสกัดเป็นตัวยา ส่วนใหญ่ จะเป็น จีน ไต้หวัน ทำให้มีการรับซื้อ ทั้งตัวสด และตากแห้ง มีราคาซื้อขายกันตัวสด ประมาณ กิโลกรัมละ 300-400 บาท ส่วนแห้ง กิโลกรัมละ เป็น 1,000 บาท หากมองในด้านเศรษฐกิจอนาคตเชื่อว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะนำมาวิจัยเพาะเลี้ยงเพื่อขาย สร้างรายได้ เพราะโดยธรรมชาติของปลิง ถ้ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะมีความทน สามรถเจริญเติบโตได้ง่าย และทางอาหารจำพวกเลือดสัตว์ทั่วไป อนาคตจะหารือกับส่วนเกี่ยวข้องวางแนวทางทดลองเลี้ยงต่อไป ส่วนเรื่องการล่าเสี่ยงการสูญพันธุ์หรือไม่นั้น คงไม่มีปัญหาเพราะเป็นสัตว์ขยายพันธุ์ได้เร็ว
ประมงจังหวัด กล่าวอีกว่า สำคัญที่สุดนอกจากปลิงจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาล ยังเป็นตัวชี้วัดสำคัญของระบบนิเวศน์ เนื่องจากธรรมชาติของปลิง จะชอบอาศัยในแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากสารพิษ หากพื้นที่ไหนแหล่งน้ำมีปลิงชุกชุม แสดงว่าอุดมสมบูรณ์ แต่หากไม่มีปลิง แสดงว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำ เกิดมลภาวะ จากน้ำเน่าเสียหรือสารเคมี จึงน่าห่วงหากแหล่งน้ำไหนที่ไม่มีปลิง เพราะอนาคตอาจจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนด้วย ดังนั้นสิ่งที่ห่วงคือ ไม่ใช่เรื่องการสูญพันธุ์ของปลิงควาย แต่คือผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายจากฝีมือมนุษย์ จะส่งผลไปถึงระบบนิเวศน์ในธรรมชาติเสียหาย จนไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ และเกิดปัญหาขาดแคลน แย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติในที่สุด
|