1.) เล็บขบ (Unguis Incarnatus) คือเกิดจากเล็บที่งอกลึกลงไปในชั้นผิวหนังบริเวณรอบๆ เล็บเท้า สามารถทำให้มีอาการปวดอย่างรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการอักเสบ เป็นหนอง หรือมีอาการติดเชื้อ
- เกิดจากการที่เราใส่รองเท้าและถุงเท้าที่รัดเกินไปจนกระดูกนิ้วเท้าเบียดซ้อนเกยกัน
- เกิดจากการตัดเล็บที่ไม่ถูกต้อง หรือลึกจนเกินไป
- เกิดจากการที่นิ้วเท้ามาซ้อนเกยหรือเบียดกัน
- เกิดจากการที่ปลายนิ้วเท้าไปชนหรือกระแทกของแข็งอย่างแรง หรือจากการเล่นกีฬา เทนนิส แบตมินตัน ฟุตบอล บาสเตบอล กีฬาเหล่านี้จะถำให้กระดูกนิ้วทำทำงานหนัก
วิธีการรักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านโพโดจิสต์จะมีกรรไกรตัดเล็บชนิดพิเศษ ที่ทำมุมองศาในการตัดเอาเล็บขบออกได้ และมีเครื่องเซาะเล็บไฟฟ้า โดยจะไม่ใช้วิธีถอดเล็บซึ่งจะทำให้เจ็บมากและแผลอาจจะติดเชื้อได้ง่าย ทำให้เล็บที่งอกออกมาใหม่ไม่สวยงาม จากนั้นจะใช้วิธีจัดเล็บโดยใช้วัสดุยกแผ่นเล็บขึ้นเพื่อแก้ปัญหาแบบถาวร วิธีการป้องกัน
- ควรตัดเล็บให้ถูกวิธีทางโครงสร้าง คือ ตัดในแนวตรงและด้านบนตัดแบบจอบ
- ใส่รองเท้าที่มีขนาดพอดี ใส่สบายไม่คับแน่นเกินไป
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียดสีหรือ การชนกระแทก
2).โรคเล็บกระเบื้อง Gryposis คือการที่เล็บได้รับการเสียดสี หรือ กระแทกจากการทำกิจกรรมเสี่ยง ทำให้อากาศเข้าไปแทรกตัวในชั้นเซลล์เล็บ ทำให้เล็บสร้างตัวเป็นชั้นหนาๆ ทำให้เชื้อโรคเช่นแบคทีเรีย ไปแทรกตามชั้นเล็บ สีเล็บจะเข้มและหนามาก หากไม่รักษาจะทำให้เล็บเสีย
วิธีการรักษา 1).ทำการกรอเล็บให้บางที่สุดจน ถึงชั้นปกติ 2).ทำการพ่นไฮโดรเจ้น เปอร์ออกไซด์ 3 เปอร์เซ็นต์เพื่อทำความสะอาดเล็บและฆ่าเชื้อโรค 3).ตัดแต่งเล็บให้ถูกต้องตามลักษณะทางโครงสร้าง 4.)ใช้น้ำมันบำรุงเล็บทาสม่ำเสมอ
3).เล็บเหลืองจากการทาเล็บเป็นเวลานาน การที่สุภาพสตรีทาเล็บเป็นเวลานาน จะทำให้เล็บขาดการแลกเปลี่ยนออกซิเจน ที่จะช่วยในการเจริญเติบโตของเล็บ และผลัดเซลล์เล็บ ทำให้เล็บเป็นสีเหลือง หรือ สีเข้ม ดังนั้นไม่ควรที่จะทาเล็บติดต่อกันเป็นเวลานาน และหมั่นทำความสะอาดเล็บโดยใช้แปรงอ่อนขัด ถู ก็จะช่วยให้เล็บไม่เหลืองได้
วิธีการรักษา 1). ทำการกรอชั้นเล็บที่เหลืองออกโดยใช้หัวกรอแบบละเอียด 2).พ่นสเปรย์รักษาเล็บและตัดแต่งให้สวยงาม 3.)ใช้น้ำมันบำรุงเล็บทาสม่ำเสมอ เล็บเป็นอวัยวะส่วนที่ปกป้องและส่วนที่ทำให้นิ้วมือและเท้ามีความมั่นคง ซึ่งเล็บทั้งสิบนิ้วนี้เองที่เป็นส่วนให้ความสวยงามแก่นิ้วมือและนิ้วเท้า เมื่อเราเป็นเด็กการเจริญเติบโตของเล็บก็จะสมบูรณ์และไวกว่าผู้สูงอายุ รวมทั้งความหนาของเล็บด้วย ซึ่งทางการแพทย์เยอรมันได้จำแนกความผิดปกติของเล็บไว้ดังนี้
4.) โรคเล็บพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว (Onych oschisis) เกิดจากการที่เล็บงอกไม่สมบูรณ์ ทำให้เล็บบริเวณขอบเล็บ และแผ่นเล็บไม่สัมผัสกัน , หรืออีกสาเหตุเกิดจากการทำงานที่ต้องได้รับความเปียกชื้น อยู่ตลอดเวลา เช่น การล้างมือ , ล้างจาน , การทำงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี เช่นช่างทำเล็บ ,ทำสีผม ฯลฯ อาการเซลล์เล็บบริเวณขอบเล็บจะถูกทำลาย มีสีขาวซีดและจะลามไปจนถึงแผ่นเล็บและส่วนเล็บชั้นใน บางครั้งมีอาการแสบคัน
วิธีการรักษา ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตัด ทำการตัดแต่งเล็บที่เสียออกและทำการบำรุงรักษาเล็บที่ดีไว้ ซึ่งคนไข้ต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ , น้ำสบู่ คือสารเคมี ใส่ถุงมือเวลาทำกิจกรรมเสี่ยง
5.) โรคเล็บม้วน (Tubenail) คือความผิดปกติของเล็บที่เป็นมากโดยเฉพาะนิ้วโป้งเท้า ส่วนมากจะเกิดกับสตรีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป และเกิดจากความผิดปกติโดยกำเนิด อาการคือแผ่นเล็บ จะม้วนตัวเข้าด้านข้างของผิวหนังบริเวณนิ้วเท้าทั้ง 2 ด้าน จะมีอาการปวดมากเพราะเล็บจะม้วนฝังเข้าไปในชั้นผิวหนัง บางรายอาจมีอาการอักเสบ เป็นหนอง ติดเชื้อ
วิธีการรักษา ผู้เชี่ยวชาญจะทำการจัดเล็บ และตัดแต่งเล็บเพื่อปรับโครงสร้างจากการเจริญของเล็บในองศาที่ถูกต้อง
***คุณรู้หรือไม่ว่าความเครียดส่งผลต่อสุขภาพเล็บและทำให้เล็บผิดปกติ (Nail Psoriasis) ความเครียดนอกจากจะส่งผลกระทบต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน เช่น หลอดเลือด , คลอเลสเตอรอล , หัวใจ ฯลฯ ซึ่งจากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมัน พบว่าความเครียดส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตและโครงสร้างของเล็บมือ , เล็บเท้า
ลักษณะอาการที่สังเกต คือคุณไม่ได้ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นเชื้อราที่เล็บ แต่ทำไมเล็บคุณถึงได้ผิดปกติ เช่น เปื่อย เป็นคลื่นลอน เล็บแตก ถ้าโดยผิวเผินจะมีลักษณะเหมือนเชื้อรา ดังนั้นการทาครีมป้องกันเชื้อรา หรือการทายาจึงจะไม่ได้ผลในการรักษา
วิธีการรักษา
- ทำการแก้ไขบริเวณเล็บที่ผิดปกติ โดยโพโดโลจิสต์ จะมีความเชี่ยวชาญในการปรับสภาพเล็บโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัย
- การลดความเครียด , พักผ่อนให้เพียงพอ
- การทานวิตามินและอาหารที่ช่วยบำรุงเล็บจำพวกโปรตีน(เคราตีน) ธาตุเหล็ก แคลเชียม สังกะสีซึ่งพบมากใน ถั่ว นม พืชผัก เนื้อสัตว์
|