เท้าคนเอเชีย...ทำได้มากกว่าเดิน
ประเพณีและความเชื่อเกี่ยวกับเท้าของคนแต่ละประเทศในแถบเอเชีย
วิธีการใช้งานเท้าที่เป็นวิธีปกติธรรมดาและใช้กันบ่อยที่สุด ก็คือการใช้เท้าเพื่อนำพาตัวเองให้เคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือการเดิน แม้ในบางครั้งเท้าจะถูกนำมาใช้เพื่อเตะลูกบอล เต้นรำไปมา ขี่จักรยาน หรือแม้กระทั่งอะไรแผลงๆ อย่างการเดินไต่บนเชือกที่บางเรียว แต่ในทวีปเอเชียอวัยวะเบื้องล่างนี้กลับทำได้มากกว่านั้นเยอะ
อย่างในประเทศอินเดีย การสัมผัสกับเท้าของคนอื่นถือเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเคารพในความรู้และประสบการณ์ของคนผู้นั้น มักจะใช้กับญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว อาจารย์ และบุพการี
ไม่เพียงแค่นั้น เท้ายังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในพิธีมงคลสมรสของชาวอินเดียอีกด้วย ในระหว่างพิธีแต่งงานของชาวฮินดูทางตะวันตกของอินเดีย พ่อแม่ของเจ้าสาวจะล้างเท้าให้เจ้าบ่าว ส่วนในภาคตะวันออกของประเทศ เจ้าสาวจะจุ่มเท้าของตัวเองลงไปในส่วนผสมของนมและสีย้อมผ้าสีแดง ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านของเจ้าบ่าว และทิ้งรอยเท้าสีแดงเอาไว้บนพื้น
ผู้หญิงฮินดูและมุสลิมจะใช้สีแดงวาดลวดลายสวยงามลงบนเท้าของตัวเองก่อนวันแต่งงาน ขณะที่เจ้าสาวชาวฮินดูก็จะสวมแหวนเอาไว้ที่เท้าหลังจากงานแต่งงาน เพื่อที่จะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว
ในประเทศไทยเราเองก็ใช้เท้าในการเดินตามปกติไม่แตกต่างจากประเทศไหนๆ แต่วิธีการใช้เท้าก็จบอยู่เท่านั้น เพราะการใช้เท้าชี้ไปที่คนที่อายุมากกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงการนำเท้าไปวางไว้บนโต๊ะ หรือเดินเหยียบบนหนังสือ
มาดูที่ญี่ปุ่นกันบ้าง คนญี่ปุ่นมีประเพณีการถอดรองเท้าเมื่ออยู่ในบ้าน ส่วนสาเหตุที่ต้องถอดรองเท้านั้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นเพราะบ้านของคนญี่ปุ่นปูพื้นด้วยเสื่อตาตามิ ซึ่งเป็นเสื่อที่ชาวญี่ปุ่นมองว่ามีค่าและศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยทำให้เกิดประเพณีการถอดรองเท้าก่อนที่จะเหยียบลงบนเสื่อนั่นเอง ขณะที่บางคนก็บอกว่าการถอดรองเท้านั้นสาเหตุมาจากสุขอนามัยต่างหาก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเพราะเทศที่มีสภาพความชื้นสูง และการถอดรองเท้าออกก็ทำให้เท้าแห้งและสะอาด
โชเฟอร์บางคนในญี่ปุ่นรักความสะอาดเสียจนต้องขอร้องให้ผู้โดยสารถอดรองเท้าเมื่ออยู่ภายในรถเลยด้วยซ้ำ และนักธุรกิจหลายคนก็ถอดรองเท้าของตัวเองและเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะก่อนที่จะเข้าไปทำงานในออฟฟิศด้วย เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่เราจะเห็นคนญี่ปุ่นถอดรองเท้าเอาไว้ที่หน้าประตูทางเข้าร้านอาหาร
คราวนี้มาถึงประเทศจีนกันบ้าง เป็นเวลาหลายร้อยปีนานมาแล้ว ที่ผู้หญิงชาวจีนจำนวนมากถูกบังคับให้ต้องพันเท้าของตัวเองเอาไว้อย่างทุกข์ทรมาน เพื่อทำให้เท้ามีขนาดเล็กลง เนื่องจากในยุคนั้นการมีเท้าเล็กๆ ถือเป็นความงามที่ใครๆ ก็เฝ้าใฝ่ฝันถึง โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่กำลังเสาะหาหญิงสาวมาเป็นภรรยา ดีที่ประเพณีป่าเถื่อนนี้ถูกยกเลิกไปเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามาเรืองอำนาจในปี 1949 จนมาถึงปัจจุบันนี้ ที่ชาวจีนให้ความสนใจเท้าก็ต่อเมื่อเกี่ยวเนื่องกับการนวดเท้า เพราะทุกหนทุกแห่งตามตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่ๆ ในจีน จะเต็มไปด้วยร้านนวดเท้าเกลื่อนกลาด เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงเนื่องจากชาวจีนเชื่อว่าการได้นวดเท้าดีๆ สักครั้งจะมีคุณสมบัติในการเยียวยาร่างกายได้ ร้านนวดบางที่ก็ให้บริการนวดเท้า 90 นาที ด้วยราคาเพียงแค่ 80 หยวน แถมยังรวมไปถึงบริการแช่เท้าในสมุนไพรและการนวดไปตามฝ่าเท้าและนิ้วเท้าด้วย โดยมีความเชื่อที่ว่ามีการเชื่อมโยงกันโดยตรงระหว่างเท้าและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หัวแม่เท้าจะมีส่วนเชื่อมต่อกับศีรษะ เพราะฉะนั้นการได้นวดหัวแม่เท้าก็เหมือนได้นวดสมองไปด้วยนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าเจ็บ นั่นก็หมายความว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติกับร่างกายส่วนอื่นด้วย
หมอนวดเท้าบอกว่าลูกค้าที่มารับการนวดเท้าครั้งแรกมักจะรู้สึกเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขารู้สึกประหม่า ส่วนลูกค้าที่ไม่ได้พักผ่อนมาเพียงพอและรู้สึกว่าปอดและหัวใจของตัวเองอ่อนล้า เมื่อได้รับการนวดเท้าในจุดที่เกี่ยวข้อง ก็จะรู้สึกเจ็บเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ผลในทางร้าย กลับยิ่งทำให้สุขภาพแข็งแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
คลิปวิดีโอสอนวิธีนวดเท้า http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Vdle-H3FLdQ#!
|