มาทำความรู้จักเกล็ดเลือด
เกล็ดเลือด (Platelet) เป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเลือดที่อยู่ในกระแสเลือด ซึ่งในกระแสเลือดจะประกอบไปด้วยเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด)
เกล็ดเลือดเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเลือดในการสร้างในไขกระดูก ทำหน้าที่ให้เลือดอยู่ในภาวะปกติ ไม่เกิดเลือดออกง่าย แต่หยุดยาก มีอายุ 8-10 วัน ก็จะถูกทำลายโดยม้าม และเกล็ดเลือดใหม่ก็ถูกผลิตทดขึ้นมาแทน
อาการของเกล็ดเลือดต่ำ
อาการเลือดออกจากเกล็ดเลือด ทำให้ผิวหนังเป็นจุดแดงๆ กดแล้วไม่หายไป หรือเป็นจ้ำเลือด บางคนเรียกว่า “พรายน้ำ” จ้ำเลือดจะมีสีม่วงปนเหลืองเนื่องจากเม็ดเลือดแดงที่อยู่ในตำแหน่งเลือดอออกแตกตัวให้สารสีเหลือง บางคนมีเลือดออกในช่องปาก เหงือก บางคนปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด หรือถ่ายสีดำเหมือนยางมะตอย บางรายมีเลือดออกภายใน ทำให้ช็อค และเสียชีวิตได้
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำเกิดจาก ?
- เกิดจากการสร้างเกล็ดเลือดได้น้อย จากโรคต่างๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือจากยาที่กดการสร้างเม็ดเลือดที่ไขกระดูก เช่น ยาเคมีบำบัด ยากดภูมิต้านทาน
- เกิดจากเกล็ดเลือดถูกทำลาย ด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคเอสแอบอี ไข้เลือดออก , ไอทีพี และด้วยยาบางชนิด ที่พบบ่อยคือ ยาเฮพาริน (Heparin) เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- เกิดจาการที่เกล็ดเลือดถูกบีบให้ไปอยู่ในที่หนึ่งมากเกินไป ทำให้เกล็ดเลือดในกระแสเลือดลดลง
- เกิดจากการใช้เกล็ดเลือดมากเกินไป เนื่องจากภาวะ DIC ( intravascular coagulation) เป็นภาวะที่มีลิ่มเลือดกระจายไปในหลอดเลือดทั่วร่างกาย ,การติดเชื้อรุนแรง,การช็อก และเนื้อเยื้อขาดออกซิเจน เป็นต้น
- เกิดจากปริมาณน้ำในร่างกายมาก (dilutional thrombocy topenia) พบในผู้ป่วยที่ได้รับน้ำเกลือหรือสารน้ำคอลลอยด์มากเกินไป หรือได้รับส่วนประกอบอื่นๆของเลือดในปริมาณมาก เช่น ได้รับเม็ดเลือดแดงอย่างเดียว โดยไม่ได้รับเกล็ดเลือดร่วมด้วย
การดูแลตนเอง เมื่อมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
ควรระวังการกระแทกแรงๆ หรือการทำให้เกิดบาดแผล มีเลือดออก เช่น การแปรงฟันแรงเกินไป หลีกเลี่ยงงานที่มีความเสี่ยง อย่างการทำงานในที่สูง การแข่งรถ เพื่อป้องการการเกิดอุบัติเหตุ เสียเลือด นอกจากนี้เมื่อต้องพบแพทย์ควรแจ้งทุกครั้งว่าตนเองมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เช่น การถอนฟัน การผ่าตัด ทานยาตามคำแนะนำแพทย์ และหันมาใส่ใจสุขภาพทั้งในเรื่องอาหาร การออกกำลังกายที่พอเหมาะและการพักผ่อน
อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- Vitamin E เช่น อาหารทะเล จมูกข้าว ข้าวกล้อง ไข่ เมล็ดพืชและถั่ว
- Vitamin K เช่น เครื่องในสัตว์ ผักใบเขียว มันฝรั่ง
- Folic Acid or Folate (โฟเลต) เช่น ผลไม้ ถั่วฝัก ผักใบเขียวเข้ม ตับ
- Iron (ธาตุเหล็ก) เช่น ตับ ปลา เนื้อแดง แป้งถั่วเหลือง ลูกเกด ถั่วฝัก
- อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เป็นโรคนี้มีความจำเป็นที่ต้องการรับบริจาคเกล็ดเลือดอย่างมาก หากมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำมาก มีบาลแผล หรือต้องได้รับการผ่าตัด เกล็ดเลือดที่รับการบริจาคต้องมาจากคนอย่างน้อย 6-8 คนจึงจะเพียงพอที่จะไปหยุดเลือดที่ไหลได้ และผู้ป่วยบางรายต้องการเกล็ดเลือดใหม่มาทดแทนทุกๆ สัปดาห์
|