พุทธลักษณะแห่งพระเครื่องปางต่าง ๆ ของกำแพงเพชร
พุทธประติมากรรมขนาดเล็กที่เรียกว่าพระเครื่อง คณาจารย์ผู้นิมิตประติมากรรม ได้กำหนดรูปแบบที่ใช้ในการสร้างพุทธปฏิมาไว้เป็นอิริยาบถนั้น มีความเป็นมาจากพุทธประวัติแต่ละตอนหรือแต่ละปาง ซึ่งในที่นี้จะนำมากล่าวเฉพาะ “ปาง”
ของพระเครื่องเท่าที่เห็นมีอยู่ในจังหวัดกำแพงเพชรเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อจะได้ทราบพุทธลักษณะและประวัติของพระเครื่องแต่ละปาง เพื่อจะได้มีความเข้าใจและซาบซึ้งในพุทธประติมากรรมแต่ละ “รูปแบบ” ของจังหวัดกำแพงเพชรยิ่งขึ้น
พุทธลักษณะแห่งพระเครื่องจังหวัดกำแพงเพชร นั้นเท่าที่มีผู้พบเห็นแล้วมี 3 อิริยาบถคือนั่ง ยืน และเดิน ซึ่งตามรายงานกราบบังคมทูลพระพุทธเจ้าหลวง
ของนายชิด(มหาดเล็ก)ถึงพระเครื่องกำแพงเพชรตอนหนึ่งเป็นข้อยืนยันอย่างดีว่า
“สัณฐานของพระพุทธรูป พิมพ์นี้ตามที่มีผู้พบเห็นแล้วมี 3 อย่าง พระลีลาศ (หรือที่เรียกว่าพระเดิน) อย่างหนึ่ง พระยืนอย่างหนึ่งและพระนั่งสมาธิอย่างหนึ่ง” พระเครื่องแต่ละปางดังกล่าวมีประวัติและความเป็นมาดังนี้
1. ปางประทับนั่ง
1.1 ปางมารวิชัย ซึ่งแปลได้ “ปางชนะมาร” ได้แก่ พุทธประวัติตอนที่พระพุทธองค์ประทับอยู่เหนืออาสนะบัลลังก์ผจญพญาวัสดีและพยุหเสนามารทรงน้อมพระทัยถึงบารมีต่าง ๆ ที่ได้ทรงบำเพ็ญมาแล้วในอดีตและทรงอธิษฐานมณฑลเป็นสักขีพยานด้วยบารมีธรรมที่พระองค์ได้บำเพ็ญมาจึงบันดาลให้พระนางธรณีผู้เป็นเทพยดาผู้รักษาแผ่นดินมาปรากฏกายอยู่ภายใต้อาสนะบัลลังก์อธิษฐานแล้วบีบมวยผมจนน้ำท่วมพลพยุหเสนามารพ่ายแพ้ไปหมดสิ้น
พระอิริยาบถตอนนั่งขัดสมาธิราบ (หรือสมาธิเพชร)พระกรซ้ายหงายฝ่าพระหัตถ์ไว้บนพระเพลา ปลายพระหัตถ์ชี้พระธรณีพยาน เป็นปางมารวิชัย หรือเรียกกันอย่างสามัญทั่วไปว่า “ปางสะดุ้งมาร”
1.2 ปางสมาธิ เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว ได้เสด็จประทับอยู่ใต้ร่มไม้มหาโพธิ์เสวยวิมุติสุขเวลา 7 วัน สัปดาห์ที่ 2 เสด็จประทับลานของต้นพระศรีมหาโพธิ์ สัปดาห์ที่ 3 เสด็จมาอยู่ระหว่างกลางต้นพระศรีมหาโพธิ์และอนิมิสเจดีย์ ในสัปดาห์ที่ 4 เทวดาเนรมิตเรือนแก้วขึ้นทางทิศพายัพแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ เสด็จนั่งขัดสมาธิบัลลังก์ทรงพิจารณาพระธรรมปิฏกทั้งสิ้น 7 วัน ปางนี้เรียกว่า “ปางสมาธิ” ต่อจากนั้นได้เสด็จไปประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ภายใต้ต้นไทรอีก 7 วัน แล้วเสด็จไปประทับยังต้นไม้จิก
2. ปางประทับยืน
2.1 ปางเปิดโลก เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพุทธมารดาในชั้นดาวดึงส์เทวโลก เมื่อครบไตรมาสพระองค์เสด็จมายังมนุษย์โลกในการเสด็จครั้งนี้ ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของพระองค์ทรงบันดาลให้สรรพสัตว์มองเห็น ซึ่งกันและกัน คือชาวมนุษย์โลก และชาวนรกได้แลเห็นซึ่งกันและกันหมดทั้งสามโลกอย่างชัดแจ้งในครั้งนั้น พุทธอิริยาบถตอนนี้นักพระเครื่องจึงเรียกกันว่า “เปิดโลก”
2.2 ปางประทานพร เป็นพระที่มีพุทธลักษณะคล้ายกับ “ปางห้ามญาติ” คือ
ปางห้ามญาติมีพระอิริยาบถประทับยืน ยกพระหัตถ์ขวาป้อง พระหัตถ์ซ้ายห้อย แต่ปางประทานพรยกพระหัตถ์ข้างใดข้างหนึ่งป้องไปข้างหน้า หันฝ่าพระหัตถ์ห้อย แต่ปางประทานพรยกพระหัตถ์ข้างใดข้างหนึ่งป้องไปข้างหน้า หันฝ่าพระหัตถ์ห้อยลงมาในลักษณะแบไปข้างหน้า ปางประทานพรนี้ คุณวินัย ศักดิ์เสนีย์ เขียนไว้ในนามานุกรมพระเครื่องหน้า 379 ว่า “เจ้าฟ้าสมเด็จ พระยานริศรานุวัติได้กล่าวถึงปางประทานพร ปางประทานอภัยว่า ปางบางปาง นั้นเอามาจากพราหมณ์หาใช่เป็นเพียงกิริยา เท่านั้น ปางประทานนี้เป็นปาง ที่เรายืมมาจากพราหมณ์ คือการทำสัญลักษณ์ที่มือเรียกว่า” “วรมุทรา”
3. ปางลีลาศ (เดิน)
3.1 ปางเสด็จจากดาวดึงส์ กล่าวคือ เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ไปประจำพรรษา และเทศโปรดพระพุทธมารดาในชั้นดาวดึงส์เทวโลกเมื่อครบไตรมาสแล้ว พระองค์เสด็จมายังมนุษย์โลกและขณะที่เสด็จอยู่เหนือเขาสุเนรุราชทอดพระเนตรเห็นเครื่องสักการบูชาของหมู่เทพยดาทั้งหมื่นโลกธาตุและมนุษย์ จะนับบ่มิได้สมเด็จพระพุทธองค์ทรงยืนประดิษฐานเหนือรัตนบันไดท่ามกลางหมู่เทพพราหมณ์บริษัทแวดล้อมเป็นบริวารก็ทรงกระทำยมคปาฏิหาริย์ซ้ำอีก
ณ กาลบัดนั้นพุทธอิริยาบถตอนนี้มีพระอาการก้าวย่างพระบาท(ขวาหรือซ้าย)
ไหวพระบาท(ขวาหรือซ้าย) น้อย ๆ พระกร(ขวาหรือซ้าย) ยกพระหัตถ์เสมอพระอุระแบออกข้างหน้า นิ้วพระหัตถ์กวัก เล็กน้อยพุทธลักษณะตอนนี้นักพระเครื่องเรียกกันว่า“กำแพงลีลาศ” หรือเรียก กันว่า “กำแพงเขย่ง” เป็นปางลีลาศเสด็จกลับจากดาวดึงส์
3.2 ปางตั้งสัตยาธิษฐาน ปางนี้ไม่มีในปางของพระพุทธรูปต่าง ๆ แต่ท่านผู้รู้กล่าวว่าเป็นการแสดงประวัติตอนที่พระมหากัสสปตั้งสัตยาธิษฐาน กล่าวคือเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วได้ 7 วันพระมหากัสสปได้มายังกุฏพันธเจดีย์
พอไปถึงจึงทำประทักษิณ 3 รอบ ถวายบังคมแล้วตั้งสัตยาธิษฐานให้พระบาททั้งสองของ พระพุทธองค์ชำแรกพระหีบทอง ออกมา เพื่อรองรับการถวายบังคมแล้วก็กลับเข้าไปในพระหีบทองดังเดิม โดยไม่มีอะไรผิดปกติเลย
ปางนี้เท่าที่พบเป็นพระเครื่องปางลีลาศประนมมือแบบหนึ่งก็เป็นปางลีลาศประนมมือมีดอกบัวด้วย
ได้กล่าวถึงพระเครื่องปางต่าง ๆ มาพอสมควรแล้วและก่อนที่จะกล่าวถึงชนิดของพระเครื่องกำแพงเพชรแต่ละชนิดนั้นขอถือโอกาสทำความเข้าใจในเรื่อง “สี” และ “ชื่อ”ของพระเครื่องพอสังเขปเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการที่จะศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องต่าง ๆ
|